วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

10 สถานที่ ฉลองคริสต์มาส ยอดนิยมทั่วโลก
1. เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี

เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีตลาดสินค้าคริสต์มาสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนูเรมเบิร์กได้ ถึง 2 ล้านคนต่อปี โดยมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และร้านขายของทำมือเกือบ 200 ร้าน งานนี้มีไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟ
2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์
3. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ในปีนี้ได้จำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
4. เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี

เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 และเป็นบ้านเกิดของโรมีโอกับจูเลียต ในทุกปีจะจัดงานฉลองคริสต์มาสกันริมคลอง และมีการจัดคอนเสิร์ต จุดดอกไม้ไฟในบริเวณปราสาทอาร์โกด้วย
5. นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะวันคริสต์มาสตรงกับฤดูร้อนของออสเตรเลียพอดิบพอดี ผู้คนจึงนิยมออกมาฉลองคริสต์มาสกันที่ชายหาด ขณะเดียวกันก็มีการประดับประดาอาคารและต้นคริสต์มาสเหมือนในประเทศอื่นๆ
6. มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส

มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่นจะจัดงานตุ๊กตาจำลองขนาดเล็กสำหรับซื้อเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาล คริสต์มาส โดยตุ๊กตาจำลองในมูอองซาร์ตูซ์มีตั้งแต่รูปจำลองที่เกี่ยวของกำเนิดวัน คริสต์มาส ต้นคริสต์มาส และของประดับบ้าน
7. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าไปเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ซึ่งทั่วกรุงโตเกียวจะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม และยังมีการประดับต้นคริสต์มาสแบบญี่ปุ่นอีกด้วย
8. นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา


นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ทุกปีจะมีการประดับประดาต้นคริสต์มาสอยู่หน้าตึกหรือสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสหน้าศูนย์รอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งประดับไฟยาวกว่า 8 กิโลเมตร
9. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ
10. เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก

เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก ในเวบไซต์ให้เหตุผลว่า หากรู้สึกว่าการฉลองคริสต์มาสในแต่ละปีสั้นเกินไป ให้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ เพราะเทศกาลคริสต์มาสที่นี่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งชาวพื้นที่นี่ฉลองคริสต์มาสกันนานถึง 3 เดือน
6 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์


อ่านแค่ชื่อก็ต้องนึกถึงคำว่า "สูงสุดแดนสยาม" สำหรับดอยอินทนนท์ที่ยอมรับก้คือเรื่องของความหนาวเย็นที่สุดยอดๆ จริงๆ สำหรับฤดูหนาว (ช่วงกลางคืนนะขอบอก) และเสน่ห์สำคัญท่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า น่าจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติ ตั้งแต่ทางขึ้นเลย (ไปมาแล้วนะ) รับรองเลยว่ามีธรรมชาติของป่าที่หลากหลายมาก ทั้งป่าดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ รวมถึงสีสันของดอกไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าหลากชนิด โดยเฉพาะนกพันธุ์หายาก ที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมดอยเกือบทั้งวัน และบางครั้งจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า
2. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

 (ที่นี้นะยังไม่ได้ไปเลย..) ที่นี้เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยทั้งหลายนะค่ะ เอาเป็นว่า "สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้นะ" คำนี้สามารถใช้ได้กับขาเที่ยวขาลุยทั้งหลายเนื่องจากที่ภูกระดึงมีสภาพ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดงดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่หวังจะพิชิตป่าเขาที่ภูกระดึง ต้องใช้คำว่าอึดนะ เพราะว่าจะต้องเดินและปีนเขาเป็นระยะทางราว 9 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเหนื่อยไม่น้อยสำหรับสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก น้ำตกขุนพอง และน้ำตกเพ็ญที่ค้นพบใหม่
3. ภูชี้ฟ้า

อีกสักหนึ่งภูนะคะ อย่าพึงเบื่อกันไปเสียก่อนละ เป็นเทือกเขาที่มคนบอกกันว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้เก๋ๆๆ สุดๆ เลย เป็นลักษณะเฉพาะของยอดภูชี้ฟ้าซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้า ไปยังฝั้งประเทศลาวอันเป็นชุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าที่สวยงาม แล้วบริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้านั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยงามนานาชนิด อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวท่อยากซึมซับบรรยากาศ เมืองเหนือแท้ๆขอแนะนะให้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนะ เพราะชาวเขาที่นั่นจะแต่งตัวแบบม้ง รวมทั้งมีการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่มๆ สาวๆ ก้นด้วยนะ
4. ดอยอ่างขาง

เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึงอยู่นี้ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวกำลังแข่งกันออกดอกมาให้เราชมกันมากมายหลาย สายพันธุ์ นอกจากสีส้นของดอกไม้ยังมีแม่คะนิ้งให้ชมอีก (ต้องไปดูตอนที่แสงแดดยังอ่อนอยู่จะสวยงามมาก) และอีกจุดที่นักท่องเที่ยงห้ามพลาดไม่ได้ก็คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนมากมาย เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง, แปลงปลูกไม้ในร่ม, แปลงทดลองปลูกกุหลาบ, แปลงปลูกผักในร่ม, สวนท้อ, สวนบ๊วย, ป่าซากุระ, ป่าเมเปิ้ล และพระตำหนักอ่างขาง สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบทั้งดอกไม้และผลไม้เมืองเหนือ ห้ามพลาด
5. อุทยานแห่งชาติภูเรือ

ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจเหมือนกันสำหรับธรรมชาติในเมืองไทยเรา ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน ลักษณะเด่นของภูเรือคือมีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้แก่ ยอดภูเรือ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอุทยาน ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย ลาว สำหรับบริเวณโดยรอบของยอดภูเรือนั้นเป็นลานหินที่มีทุ้งหญ้าขึ้นแซมสลับกับ ป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ และสนสามใบที่เป็นสนที่ทางอุทยานเป็นผู้ปลูก
6. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ

ได้ชื่อว่าเป็น เมืองทะเลภูเขาหรือ ดินแดนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยเพราะมีความสวยงามของธรรมชาติและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมทิวทัศน์ โดยป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ มีทั้งธรรมชาติและป่าปลูก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น เสือไฟ, กระจง, ค่าง, อีเห็น, ลิงลม, นางอาย, งูชนิดต่างๆ ชนิดสุดท้ายนี้คงไม่มีใครชอบสักเท่าไหร่นักเอาไปว่าทางใครทางมันก็แล้วกันนะ และรวมทั้งนกชนิดต่างๆ อีกกว่า 100 ชนิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูนกชนิดแปลกๆ ที่หาพบได้ยากนะ        


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น