วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

    แนวทางการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
ปวส. สาขาการจัดการ


คณะบริหารธุรกิจปริญญาตรี
หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ
ปรัชญา
สร้างบัณฑิต  ผลิตนักบริหาร  มุ่งมั่นสู่องค์การสากล


ความสำคัญ
ผลิตบัณฑิตบริหารธุรกิจที่มีความรู้ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติทางด้านการจัดการให้  มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้  มีความพร้อมในการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ  เทคโนโลยี และความก้าวหน้าทางนวัตกรรมอย่างมีคุณธรรมจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคมและประโยชน์ส่วนรวม
การจัดการศึกษาในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิตสาขาวิชาการจัดการเน้นการตอบสนองต่อพันธกิจของมหาวิทยาลัยในด้านการผลิตบัณฑิตด้านการจัดการที่มีความรู้ความสามารถทางการปฏิบัติแบบมืออาชีพสามารถบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ มาใช้ในการประกอบอาชีพทางด้านการจัดการ  ด้วยความมุ่งมั่นถึงผลสัมฤทธิ์  และตระหนักถึงการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในลักษณะการเรียนรู้เพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมอีกทั้งยังสนับสนุนพันธกิจในด้านงานวิจัย  บริการวิชาการ  ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
1.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีความรู้เกี่ยวกับแนวคิด หลักการด้านการจัดการและสามารถรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน ติดต่อ ประสานงาน ติดตาม ประเมินผลพร้อมนำเสนอต่อผู้บริหารในระดับสูงขึ้นไป
2.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะทางปัญญามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น  สามารถจัดการความขัดแย้ง  โดยใช้เหตุผลอย่างมีประสิทธิภาพให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ โดยมุ่งเน้นวัฒนธรรมคุณภาพเป็นสำคัญ
3.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล  สามารถปรับตัวเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นรวมทั้งแสดงความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสมตามบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในขอบเขตการปฏิบัติงานของตนเอง
4.เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกทางด้านความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความขยันหมั่นเพียรตรงต่อเวลา มีความสำนึกในจรรยาอาชีพ  ความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
            5. เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีลักษณะเป็นมืออาชีพ (Professionalism) หมายถึง มีความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์วิชาชีพเป็นอย่างดีมีทักษะในการปฏิบัติ และประพฤติตามจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเคร่งครัด และมีจิตสาธารณะ (Public Mind)  หมายถึง  การตระหนักรู้และคำนึงถึงส่วนรวมเป็นจิตที่คิดสร้างสรรค์ เป็นกุศล และมุ่งทำกรรมดีเพื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม

อาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา
1.  อาชีพด้านการจัดการ บริหาร และธุรการ เช่น เลขานุการ ผู้จัดการบริหารงานทั่วไป เจ้าหน้าที่ธุรการ
2. อาชีพด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น ผู้จัดการทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการแรงงานสัมพันธ์
3. อาชีพด้านการควบคุมการผลิตสินค้า งานจัดการวัสดุและสินค้าคงคลัง เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิต ฝ่ายบริหารคลังสินค้า
4.  อาชีพด้านการตรวจสอบและประกันคุณภาพ เช่น เจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพ
5.  อาชีพด้านการวิเคราะห์หรือวิจัยสารสนเทศทางธุรกิจ ได้แก่ งานนโยบายและแผน ฝ่ายกลยุทธ์ เช่น  นักวิชาการบริหารงานสำนักงาน
6.  อาชีพด้านการนำเข้า-ส่งออกสินค้า การค้าระหว่างประเทศ
7.  อาชีพด้านการวิเคราะห์ทางการเงิน เช่น เจ้าหน้าที่การเงิน  พนักงานบัญชี
8.  ประกอบอาชีพอิสระ เช่น  เป็นผู้ประกอบการ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

10 สถานที่ ฉลองคริสต์มาส ยอดนิยมทั่วโลก
1. เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี

เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีตลาดสินค้าคริสต์มาสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนูเรมเบิร์กได้ ถึง 2 ล้านคนต่อปี โดยมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และร้านขายของทำมือเกือบ 200 ร้าน งานนี้มีไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟ
2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์
3. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ในปีนี้ได้จำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
4. เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี

เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 และเป็นบ้านเกิดของโรมีโอกับจูเลียต ในทุกปีจะจัดงานฉลองคริสต์มาสกันริมคลอง และมีการจัดคอนเสิร์ต จุดดอกไม้ไฟในบริเวณปราสาทอาร์โกด้วย
5. นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะวันคริสต์มาสตรงกับฤดูร้อนของออสเตรเลียพอดิบพอดี ผู้คนจึงนิยมออกมาฉลองคริสต์มาสกันที่ชายหาด ขณะเดียวกันก็มีการประดับประดาอาคารและต้นคริสต์มาสเหมือนในประเทศอื่นๆ
6. มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส

มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่นจะจัดงานตุ๊กตาจำลองขนาดเล็กสำหรับซื้อเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาล คริสต์มาส โดยตุ๊กตาจำลองในมูอองซาร์ตูซ์มีตั้งแต่รูปจำลองที่เกี่ยวของกำเนิดวัน คริสต์มาส ต้นคริสต์มาส และของประดับบ้าน
7. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าไปเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ซึ่งทั่วกรุงโตเกียวจะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม และยังมีการประดับต้นคริสต์มาสแบบญี่ปุ่นอีกด้วย
8. นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา


นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ทุกปีจะมีการประดับประดาต้นคริสต์มาสอยู่หน้าตึกหรือสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสหน้าศูนย์รอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งประดับไฟยาวกว่า 8 กิโลเมตร
9. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ
10. เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก

เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก ในเวบไซต์ให้เหตุผลว่า หากรู้สึกว่าการฉลองคริสต์มาสในแต่ละปีสั้นเกินไป ให้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ เพราะเทศกาลคริสต์มาสที่นี่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งชาวพื้นที่นี่ฉลองคริสต์มาสกันนานถึง 3 เดือน
6 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์


อ่านแค่ชื่อก็ต้องนึกถึงคำว่า "สูงสุดแดนสยาม" สำหรับดอยอินทนนท์ที่ยอมรับก้คือเรื่องของความหนาวเย็นที่สุดยอดๆ จริงๆ สำหรับฤดูหนาว (ช่วงกลางคืนนะขอบอก) และเสน่ห์สำคัญท่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า น่าจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติ ตั้งแต่ทางขึ้นเลย (ไปมาแล้วนะ) รับรองเลยว่ามีธรรมชาติของป่าที่หลากหลายมาก ทั้งป่าดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ รวมถึงสีสันของดอกไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าหลากชนิด โดยเฉพาะนกพันธุ์หายาก ที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมดอยเกือบทั้งวัน และบางครั้งจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า
2. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

 (ที่นี้นะยังไม่ได้ไปเลย..) ที่นี้เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยทั้งหลายนะค่ะ เอาเป็นว่า "สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้นะ" คำนี้สามารถใช้ได้กับขาเที่ยวขาลุยทั้งหลายเนื่องจากที่ภูกระดึงมีสภาพ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดงดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่หวังจะพิชิตป่าเขาที่ภูกระดึง ต้องใช้คำว่าอึดนะ เพราะว่าจะต้องเดินและปีนเขาเป็นระยะทางราว 9 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเหนื่อยไม่น้อยสำหรับสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก น้ำตกขุนพอง และน้ำตกเพ็ญที่ค้นพบใหม่
3. ภูชี้ฟ้า

อีกสักหนึ่งภูนะคะ อย่าพึงเบื่อกันไปเสียก่อนละ เป็นเทือกเขาที่มคนบอกกันว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้เก๋ๆๆ สุดๆ เลย เป็นลักษณะเฉพาะของยอดภูชี้ฟ้าซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้า ไปยังฝั้งประเทศลาวอันเป็นชุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าที่สวยงาม แล้วบริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้านั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยงามนานาชนิด อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวท่อยากซึมซับบรรยากาศ เมืองเหนือแท้ๆขอแนะนะให้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนะ เพราะชาวเขาที่นั่นจะแต่งตัวแบบม้ง รวมทั้งมีการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่มๆ สาวๆ ก้นด้วยนะ
4. ดอยอ่างขาง

เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึงอยู่นี้ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวกำลังแข่งกันออกดอกมาให้เราชมกันมากมายหลาย สายพันธุ์ นอกจากสีส้นของดอกไม้ยังมีแม่คะนิ้งให้ชมอีก (ต้องไปดูตอนที่แสงแดดยังอ่อนอยู่จะสวยงามมาก) และอีกจุดที่นักท่องเที่ยงห้ามพลาดไม่ได้ก็คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนมากมาย เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง, แปลงปลูกไม้ในร่ม, แปลงทดลองปลูกกุหลาบ, แปลงปลูกผักในร่ม, สวนท้อ, สวนบ๊วย, ป่าซากุระ, ป่าเมเปิ้ล และพระตำหนักอ่างขาง สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบทั้งดอกไม้และผลไม้เมืองเหนือ ห้ามพลาด
5. อุทยานแห่งชาติภูเรือ

ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจเหมือนกันสำหรับธรรมชาติในเมืองไทยเรา ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน ลักษณะเด่นของภูเรือคือมีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้แก่ ยอดภูเรือ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอุทยาน ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย ลาว สำหรับบริเวณโดยรอบของยอดภูเรือนั้นเป็นลานหินที่มีทุ้งหญ้าขึ้นแซมสลับกับ ป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ และสนสามใบที่เป็นสนที่ทางอุทยานเป็นผู้ปลูก
6. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ

ได้ชื่อว่าเป็น เมืองทะเลภูเขาหรือ ดินแดนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยเพราะมีความสวยงามของธรรมชาติและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมทิวทัศน์ โดยป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ มีทั้งธรรมชาติและป่าปลูก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น เสือไฟ, กระจง, ค่าง, อีเห็น, ลิงลม, นางอาย, งูชนิดต่างๆ ชนิดสุดท้ายนี้คงไม่มีใครชอบสักเท่าไหร่นักเอาไปว่าทางใครทางมันก็แล้วกันนะ และรวมทั้งนกชนิดต่างๆ อีกกว่า 100 ชนิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูนกชนิดแปลกๆ ที่หาพบได้ยากนะ