วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

    แนวทางการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
ปวส. สาขาการจัดการ


คณะบริหารธุรกิจปริญญาตรี
หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ
ปรัชญา
สร้างบัณฑิต  ผลิตนักบริหาร  มุ่งมั่นสู่องค์การสากล


ความสำคัญ
ผลิตบัณฑิตบริหารธุรกิจที่มีความรู้ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติทางด้านการจัดการให้  มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้  มีความพร้อมในการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ  เทคโนโลยี และความก้าวหน้าทางนวัตกรรมอย่างมีคุณธรรมจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคมและประโยชน์ส่วนรวม
การจัดการศึกษาในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิตสาขาวิชาการจัดการเน้นการตอบสนองต่อพันธกิจของมหาวิทยาลัยในด้านการผลิตบัณฑิตด้านการจัดการที่มีความรู้ความสามารถทางการปฏิบัติแบบมืออาชีพสามารถบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ มาใช้ในการประกอบอาชีพทางด้านการจัดการ  ด้วยความมุ่งมั่นถึงผลสัมฤทธิ์  และตระหนักถึงการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในลักษณะการเรียนรู้เพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมอีกทั้งยังสนับสนุนพันธกิจในด้านงานวิจัย  บริการวิชาการ  ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
1.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีความรู้เกี่ยวกับแนวคิด หลักการด้านการจัดการและสามารถรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล วางแผน ติดต่อ ประสานงาน ติดตาม ประเมินผลพร้อมนำเสนอต่อผู้บริหารในระดับสูงขึ้นไป
2.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะทางปัญญามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น  สามารถจัดการความขัดแย้ง  โดยใช้เหตุผลอย่างมีประสิทธิภาพให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ โดยมุ่งเน้นวัฒนธรรมคุณภาพเป็นสำคัญ
3.เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล  สามารถปรับตัวเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นรวมทั้งแสดงความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสมตามบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในขอบเขตการปฏิบัติงานของตนเอง
4.เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกทางด้านความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความขยันหมั่นเพียรตรงต่อเวลา มีความสำนึกในจรรยาอาชีพ  ความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
            5. เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีลักษณะเป็นมืออาชีพ (Professionalism) หมายถึง มีความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์วิชาชีพเป็นอย่างดีมีทักษะในการปฏิบัติ และประพฤติตามจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเคร่งครัด และมีจิตสาธารณะ (Public Mind)  หมายถึง  การตระหนักรู้และคำนึงถึงส่วนรวมเป็นจิตที่คิดสร้างสรรค์ เป็นกุศล และมุ่งทำกรรมดีเพื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม

อาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา
1.  อาชีพด้านการจัดการ บริหาร และธุรการ เช่น เลขานุการ ผู้จัดการบริหารงานทั่วไป เจ้าหน้าที่ธุรการ
2. อาชีพด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น ผู้จัดการทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการแรงงานสัมพันธ์
3. อาชีพด้านการควบคุมการผลิตสินค้า งานจัดการวัสดุและสินค้าคงคลัง เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิต ฝ่ายบริหารคลังสินค้า
4.  อาชีพด้านการตรวจสอบและประกันคุณภาพ เช่น เจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพ
5.  อาชีพด้านการวิเคราะห์หรือวิจัยสารสนเทศทางธุรกิจ ได้แก่ งานนโยบายและแผน ฝ่ายกลยุทธ์ เช่น  นักวิชาการบริหารงานสำนักงาน
6.  อาชีพด้านการนำเข้า-ส่งออกสินค้า การค้าระหว่างประเทศ
7.  อาชีพด้านการวิเคราะห์ทางการเงิน เช่น เจ้าหน้าที่การเงิน  พนักงานบัญชี
8.  ประกอบอาชีพอิสระ เช่น  เป็นผู้ประกอบการ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

10 สถานที่ ฉลองคริสต์มาส ยอดนิยมทั่วโลก
1. เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี

เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีตลาดสินค้าคริสต์มาสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนูเรมเบิร์กได้ ถึง 2 ล้านคนต่อปี โดยมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และร้านขายของทำมือเกือบ 200 ร้าน งานนี้มีไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟ
2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์
3. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์

เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ในปีนี้ได้จำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
4. เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี

เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 และเป็นบ้านเกิดของโรมีโอกับจูเลียต ในทุกปีจะจัดงานฉลองคริสต์มาสกันริมคลอง และมีการจัดคอนเสิร์ต จุดดอกไม้ไฟในบริเวณปราสาทอาร์โกด้วย
5. นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะวันคริสต์มาสตรงกับฤดูร้อนของออสเตรเลียพอดิบพอดี ผู้คนจึงนิยมออกมาฉลองคริสต์มาสกันที่ชายหาด ขณะเดียวกันก็มีการประดับประดาอาคารและต้นคริสต์มาสเหมือนในประเทศอื่นๆ
6. มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส

มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่นั่นจะจัดงานตุ๊กตาจำลองขนาดเล็กสำหรับซื้อเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาล คริสต์มาส โดยตุ๊กตาจำลองในมูอองซาร์ตูซ์มีตั้งแต่รูปจำลองที่เกี่ยวของกำเนิดวัน คริสต์มาส ต้นคริสต์มาส และของประดับบ้าน
7. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าไปเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ซึ่งทั่วกรุงโตเกียวจะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม และยังมีการประดับต้นคริสต์มาสแบบญี่ปุ่นอีกด้วย
8. นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา


นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ทุกปีจะมีการประดับประดาต้นคริสต์มาสอยู่หน้าตึกหรือสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสหน้าศูนย์รอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งประดับไฟยาวกว่า 8 กิโลเมตร
9. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ
10. เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก

เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก ในเวบไซต์ให้เหตุผลว่า หากรู้สึกว่าการฉลองคริสต์มาสในแต่ละปีสั้นเกินไป ให้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ เพราะเทศกาลคริสต์มาสที่นี่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งชาวพื้นที่นี่ฉลองคริสต์มาสกันนานถึง 3 เดือน
6 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์


อ่านแค่ชื่อก็ต้องนึกถึงคำว่า "สูงสุดแดนสยาม" สำหรับดอยอินทนนท์ที่ยอมรับก้คือเรื่องของความหนาวเย็นที่สุดยอดๆ จริงๆ สำหรับฤดูหนาว (ช่วงกลางคืนนะขอบอก) และเสน่ห์สำคัญท่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า น่าจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติ ตั้งแต่ทางขึ้นเลย (ไปมาแล้วนะ) รับรองเลยว่ามีธรรมชาติของป่าที่หลากหลายมาก ทั้งป่าดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ รวมถึงสีสันของดอกไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าหลากชนิด โดยเฉพาะนกพันธุ์หายาก ที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมดอยเกือบทั้งวัน และบางครั้งจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า
2. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

 (ที่นี้นะยังไม่ได้ไปเลย..) ที่นี้เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยทั้งหลายนะค่ะ เอาเป็นว่า "สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้นะ" คำนี้สามารถใช้ได้กับขาเที่ยวขาลุยทั้งหลายเนื่องจากที่ภูกระดึงมีสภาพ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดงดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่หวังจะพิชิตป่าเขาที่ภูกระดึง ต้องใช้คำว่าอึดนะ เพราะว่าจะต้องเดินและปีนเขาเป็นระยะทางราว 9 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเหนื่อยไม่น้อยสำหรับสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก น้ำตกขุนพอง และน้ำตกเพ็ญที่ค้นพบใหม่
3. ภูชี้ฟ้า

อีกสักหนึ่งภูนะคะ อย่าพึงเบื่อกันไปเสียก่อนละ เป็นเทือกเขาที่มคนบอกกันว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้เก๋ๆๆ สุดๆ เลย เป็นลักษณะเฉพาะของยอดภูชี้ฟ้าซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้า ไปยังฝั้งประเทศลาวอันเป็นชุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าที่สวยงาม แล้วบริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้านั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยงามนานาชนิด อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวท่อยากซึมซับบรรยากาศ เมืองเหนือแท้ๆขอแนะนะให้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนะ เพราะชาวเขาที่นั่นจะแต่งตัวแบบม้ง รวมทั้งมีการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่มๆ สาวๆ ก้นด้วยนะ
4. ดอยอ่างขาง

เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึงอยู่นี้ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวกำลังแข่งกันออกดอกมาให้เราชมกันมากมายหลาย สายพันธุ์ นอกจากสีส้นของดอกไม้ยังมีแม่คะนิ้งให้ชมอีก (ต้องไปดูตอนที่แสงแดดยังอ่อนอยู่จะสวยงามมาก) และอีกจุดที่นักท่องเที่ยงห้ามพลาดไม่ได้ก็คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนมากมาย เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง, แปลงปลูกไม้ในร่ม, แปลงทดลองปลูกกุหลาบ, แปลงปลูกผักในร่ม, สวนท้อ, สวนบ๊วย, ป่าซากุระ, ป่าเมเปิ้ล และพระตำหนักอ่างขาง สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบทั้งดอกไม้และผลไม้เมืองเหนือ ห้ามพลาด
5. อุทยานแห่งชาติภูเรือ

ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจเหมือนกันสำหรับธรรมชาติในเมืองไทยเรา ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน ลักษณะเด่นของภูเรือคือมีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้แก่ ยอดภูเรือ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอุทยาน ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย ลาว สำหรับบริเวณโดยรอบของยอดภูเรือนั้นเป็นลานหินที่มีทุ้งหญ้าขึ้นแซมสลับกับ ป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ และสนสามใบที่เป็นสนที่ทางอุทยานเป็นผู้ปลูก
6. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ

ได้ชื่อว่าเป็น เมืองทะเลภูเขาหรือ ดินแดนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยเพราะมีความสวยงามของธรรมชาติและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมทิวทัศน์ โดยป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ มีทั้งธรรมชาติและป่าปลูก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น เสือไฟ, กระจง, ค่าง, อีเห็น, ลิงลม, นางอาย, งูชนิดต่างๆ ชนิดสุดท้ายนี้คงไม่มีใครชอบสักเท่าไหร่นักเอาไปว่าทางใครทางมันก็แล้วกันนะ และรวมทั้งนกชนิดต่างๆ อีกกว่า 100 ชนิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูนกชนิดแปลกๆ ที่หาพบได้ยากนะ        


วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ฤดูหนาวรับประทานอะไรดี

สำหรับการรับประทานอาหารในช่วงฤดูหนาวเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุง เสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อย และรสเผ็ด เช่น แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวาน และน้ำพริก เพราะธรรมชาติจะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรในฤดูต่างๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
ในฤดูหนาว มักจะมีสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น สะเดา ซึ่งมีรสขม เมื่อกินแล้วจะช่วยแก้ไข้ ทำให้เจริญอาหาร ขี้เหล็กมีสรรพคุณช่วยระบาย ดอกแคแก้ไข้หัวลม เราควรเลือกรับประทานผักพื้นบ้านที่มีอยู่ตามฤดูกาล ส่วนการเลือกเครื่องดื่มในช่วงหน้าหนาวนี้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อน ๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ซึ่งป้องกันการเป็นหวัดในช่วงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย

หน้าหนาวควรดูแลร่างกายอย่างไร
ด้วย อากาศที่หนาวเย็น เราควรอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา แต่บางครั้งการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะน้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป รวมทั้งความชื้นของอากาศที่ลดลง ก็จะเพิ่มให้ผิวแห้งแตกและคันได้ง่าย 
ดังนั้นเราควรจะดูแลร่างกายในช่วงหน้าหนาวนี้เป็นพิเศษโดยสามารถนำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ดูแลผิวพรรณ อย่าง น้ำมันงา ขมิ้นชัน ผิวมะนาว และผิวมะกรูด

สมุนไพรดูแลผิวพรรณ
- น้ำมันงา นำงาดิบประมาณ 1 ถ้วย โขลกให้ละเอียด บีบเอาน้ำมันจากงาเก็บไว้ในขวด ทาผิวตอนเช้าและก่อนนอน น้ำมันงาจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งแตกและคัน
- ขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยลดอาการคันและช่วยลดอาการผดผื่นตามผิวหนัง เพียงนำขมิ้นชันสดมาล้างให้สะอาด โขลกให้ละเอียด บีบน้ำที่ได้นำมาทาผิว หลังอาบน้ำเช้า-เย็น แต่อาจจะมีสีของขมิ้นติดตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
- ผิวมะกรูด น้ำมันที่ผิวของมะนาวและมะกรูด จะช่วยเคลือบผิว ให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน ลดการอักเสบ โดยนำมะนาวที่ใช้แล้ว ส่วนบริเวณผิวด้านนอกของมะนาว มาทาผิวบริเวณที่แห้งคัน เช้า-เย็น ก็จะช่วยลดอาการคันได้

การดูแลสุขภาพด้วยการอาบสมุนไพร
การอาบน้ำอุ่นในฤดูหนาวจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพราะในฤดูหนาว คนส่วนใหญ่มักจะเป็นหวัด คัดจมูก และคันตามผิวหนัง ซึ่งหากนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการคัน มาต้มอาบแทนน้ำเปล่า ก็จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ดี สมุนไพร ที่หาได้ง่าย ที่ควรนำมาต้มมีดังนี้
- ยอดผักบุ้ง จำนวน 5 ยอด ใช้รักษาอาการคัน
- ใบมะกรูด จำนวน 3-5 ใบ แก้วิงเวียน ช่วยให้หายใจสบาย
- ต้นตะไคร้ จำนวน 3 ต้น บำรุงธาตุไฟ
- หัวไพล จำนวน 2-3 หัว ลดอาการอักเสบ ปวด บวม
- ใบหนาด จำนวน 3-5 ใบ ช่วยบำรุง แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลือง
- หัวขมิ้นชัน จำนวน 2-3 หัว ช่วยสมานแผล แก้คันตามผิวหนัง
- การบูร จำนวน 15 กรัม ช่วยบำรุงหัวใจ
- หัวหอมแดง จำนวน 3-5 หัว แก้หวัดคัดจมูก

เพียงนำสมุนไพร ทั้งหมดมาต้มรวมกัน ผสมน้ำเย็นให้พออุ่น แล้วนำมาอาบ สรรพคุณของสมุนไพรก็จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดอาการคันตามผิวหนัง ช่วยให้หายใจโล่ง แค่นี้สาว ๆ ก็จะรู้สึกสบายตัว ไม่ต้องกังวลกับฤดูหนาวแล้วค่ะ

        เลือกรับประทานผลไม้หนาว



สตรอว์เบอร์รี่
อุดมด้วยวิตามินซี มีประโยชน์ต่อเหงือก และฟัน เมล็ดเล็ก ๆ ที่กระจายตามผลของสตรอว์เบอร์รี่จัดเป็นแหล่งไฟเบอร์อย่างดี นอกจากนี้ยังมี โฟเลท โพแทสเซียม และแอนตี้ออกซิแดนท์ คุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผลไม้ชนิดนี้ดีต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัวค่ะ เพราะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งชนิด   ต่าง ๆ และนี่คือเหตุผลที่คุณควรกินสตรอว์เบอร์รี่

แอปเปิ้ล
นอกจากรูปทรง สีสันที่สวยงาม และความอร่อยที่ซ่อนอยู่ในเนื้อกรอบ ๆ แล้ว แอปเปิ้ลยังมีแร่ธาตุมากมายทั้งโพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ซีลิเนียม วิตามินเอ วิตามินซี โฟเลท ซึ่งสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และยังมีวิตามินอี ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลที่สำคัญ ผลแอปเปิ้ลยังมีเส้นใยที่เรียกว่าเพคติน ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้เกิดการบีบตัวมาก เหมาะกับคนที่เป็นโรคท้องผูก ป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อย่างดี

ลูกแพร์
เป็นผลไม้ที่มาพร้อมลมหนาวอีกชนิดที่มีรสหวานฉ่ำ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ มีแร่ธาตุอย่างสังกะสี เหล็ก อุดมไปด้วยวิตามินซี อี และบีบางชนิด แถมยังมีเอนไซม์ที่ชื่อไฟซิน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยย่อย เป็นยาระบายอ่อน ๆ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องขับถ่ายลำบากเป็นอย่างยิ่ง

 กีวีฟรุต
กีวีเพียงหนึ่งหรือครึ่งลูกจะมีวิตามินซีเทียบได้กับส้ม 1 ผลเลยล่ะ นอกจากนี้ เมล็ดสีดำในกีวียังเป็นแหล่งของใยอาหารชั้นดี และยังมีปริมาณของโปแทสเซียมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับกล้วยหอม มีวิตามินเอ และอี เปลือกของกีวีเป็นแหล่งของสารแอนตี้ออกซิแดทน์ เมล็ดในของกีวีมีกรดโอเมก้า 3 แถมยังมีแคลอรี่ต่ำด้วยค่ะ เพราะกีวี 1 ผล จะให้พลังงานเพียง 46 กิโลแคลอรี่ กีวีฟรุตเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน และทางพฤกษศาสตร์กำหนดให้กีวีเป็นผลไม้ตระกูลเบอรี่ เหมือนกับเสาวรส หรือกระทกรกนั่นเอง

องุ่น
จริงอยู่ที่องุ่นจะออกผลได้ตลอดปี แต่ฤดูหนาวเป็นช่วงที่องุ่นมีรสอร่อยที่สุดค่ะ องุ่นเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญคือน้ำตาล ที่เป็นทั้งซูโคส และกลูโคส นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้ง วิตามินเอ วิตามินซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็ก ซึ่งเป็นประโยชน์ในระบบการทำงานประสาท และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
http://women.sanook.com/8615

Management Meaning ความหมายของการบริหารจัดการ
ความหมายของการบริหาร
การบริหาร หมายถึง ศิลปะในการทำให้สิ่งต่าง ๆ ได้รับการกระทำจนเป็นผลสำเร็จกล่าวคือ ผู้บริหารไม่ใช้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้ใช้ศิลปะทำให้ผู้ปฏิบัติทำงานจนสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ผู้บริหารตัดสินใจเลือกแล้ว
การบริหาร คือ กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 
การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่รวมปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน
การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
การบริหารเป็นสาขาวิชาที่มีการจัดการระเบียบอย่างเป็นระบบ คือมีหลักเกณฑ์และทฤษฎีที่พึงเชื่อถือได้ อันเกิดจาการค้นคว้าเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์ในการบริหาร โดยลักษณะนี้ การบริหารจึงเป็นศาสตร์ (Science) เป็นศาสตร์สังคม ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับวิชาจิตวิทยา สังคมวิทยา และรัฐศาสตร์แต่ถ้าพิจารณาการบริหารในลักษณะของการปฏิบัติที่ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และทักษะของผู้บริหารแต่ละคน ที่จะ ทำงานให้บรรลุเป้าหมายซึ่งเป็นการประยุกต์เอาความรู้หลักการและทฤษฎีไปรับใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และสิ่งแวดล้อม การบริหารก็จะมีลักษณะเป็นศิลป์
การจัดการคือ
กระบวนการทำงานหรือการจัดการมีความสำคัญต่อองค์กรธุรกิจ เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อ ความสำเร็จที่จะทำให้เกิดผลกำไรและช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้นอกจากนี้กระบวนการจัดการยังเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์จากแต่ละองค์กรมีปัจจัยความสำเร็จที่ต่างกัน
การจัดการ(Management)ก็คือกระบวนการต่างๆในการทำให้องค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี ขั้นตอนตั้งแต่การวางแผน การจัดการองค์การ การบังคับบัญชาสั่งการ การประสานงานและการควบคุม เป็นเครื่องมือสำคัญ โดยมีทักษะของผู้บริหารหรือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ นั้นเอง
ความหมายของการบริหารจัดการ
ธุรกิจหรือองค์กรแสดงให้เห็นจากกลุ่มของบุคคลที่มาร่วมกันทำงานด้วยโครงสร้างและการประสานงาน เป็นหลักการชัดเจนแน่ชัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามที่กำหนดเป้าหมายไว้ (Ricky W. Griffin, 1999, p.6) ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ประกอบด้วย
1. คน (Man)
2. เงิน (Money)
3. วัตถุดิบ (Material)
4. เครื่องจักร (Machine)
5. วิธีการ (Method)
6. การบริหาร (Management) หรือที่นิยมเรียกกันว่า 6M’s
ความหมายของการบริหารจัดการนั้น สามารถจำกัดออกมาตามความเข้าใจได้ โดย คำว่า “Management” อาจแปลว่า การจัดการหรือการบริหารหรือการบริหารจัดการก็ได้ซึ่งในหนังสือองค์การและการ จัดการฉบับสมบูรณ์ โดย รศ.ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2545, น.18-19) ได้รวบรวม ความหมายของคำว่า การบริหารจัดการ” และ การจัดการ” ได้ดังนี้
1. คำว่า การบริหาร” (Administration) จะใช้ในการบริหารระดับสูง โดยเน้นที่การกำหนดนโยบายที่สำคัญและการกำหนดแผนของผู้บริหารระดับสูง เป็นคำนิยมใช้ในการบริหารรัฐกิจ (Public Administration) หรือใช้ในหน่วยงานราชการ และคำว่า ผู้บริหาร” (Administrator) จะหมาถึง ผู้บริหารที่ทำงานอยู่ในองค์กรของรัฐ หรือองค์กรที่ไม่มุ่งหวังกำไร (Schermerhorn, 1999, p.G-2)
การบริหาร คือกลุ่มของกิจกรรม ประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การจัดองค์กร (Organizing) การสั่งการ (Leading Directing) หรือการอำนวย และการควบคุม (Controlling) ซึ่งจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับทรัพยากรขององค์กร (6 M’s) เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญในการบรรลุความสำเร็จ ตามเป้าหมายขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลครบถ้วน
2. คำว่า การจัดการ” (Management) จะเน้นการปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย ซึ่งนิยมใช้ในการจัดการธุรกิจ (Business management) ส่วนคำว่า ผู้จัดการ” (Manager) จะหมายถึงบุคคลในองค์กรซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบต่อกิจกรรมในการบริหาร ทรัพยากรและกิจการงานอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
การบริหารจัดการ (Management) หมายถึงชุดของหน้าที่ต่าง ๆ (A set of functions) ที่กำหนดทิศทางในการใช้ทรัพยากรทั้งหลายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายขององค์กร การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficient) หมายถึง การใช้ทรัพยากรได้อย่างเฉลียวฉลาดและคุ้มค่า (Cost-effective) การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผล (Effective) นั้นหมายถึงการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง (Right decision) และมีการปฏิบัติการสำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้ดังนั้นผลสำเร็จของการบริหารจัดการจึงจำเป็นต้องมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ควบคู่กัน (Griffin, 1997, p.4)
ในอีกแนวหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าการบริหารจัดการ หมายถึง กระบวนการของการมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรจากการทำงานร่วมกัน โดยใช้บุคคลและทรัพยากรอื่น ๆ (Certo, 2000, p.555) หรือเป็นกระบวนการออกแบบและรักษาสภาพแวดล้อมที่บุคคลทำงานร่วมกันในกลุ่มให้ บรรลุเป้าหมาย
คำว่า การบริหาร” (Administration) และ การจัดการ” (Management) มีความหมายแตกต่างกันเล็กน้อย โดยการบริหารจะสนใจและสัมพันธ์กับการกำหนดนโยบายไปลงมือปฏิบัติ นักวิชาการบางท่านไห้ความเห็นว่าการบริหารใช้ในภาครัฐ ส่วนการจัดการใช้ในภาคเอกชน ให้ทั้ง 2 คำนี้มีความหมายไม่แตกต่างกัน สามารถใช้แทนกันได้และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
จากความหมายต่าง ๆ ข้างต้น การบริหารจัดการจึงเป็นกระบวนการของกิจกรรมที่ต่อเนื่องและประสานงานกันซึ่งผู้บริหารต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรประเด็นสำคัญของการบริการจัดการ (Management) มีดังนี้
1. การบริหารจัดการสามารถประยุกต์ใช้กับองค์กรใดองค์กรหนึ่งได้
2. เป้าหมายของผู้บริหารทุกคนคือ การสร้างกำไร
3. การบริหารจัดการเกี่ยวข้องกับการเพิ่มผลผลิต โดยมุ่งสู่ประสิทธิภาพ วิธีการใช้ทรัพยากรโดยประหยัดที่สุดและประสิทธิผล  บรรลุเป้าหมายคือประโยชน์สูงสุด
4. การบริหารจัดการสามารถนำมาใช้สำหรับผู้บริหารในทุกระดับชั้นขององค์กร