10 สถานที่ ฉลองคริสต์มาส ยอดนิยมทั่วโลก
1. เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี
เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี
ซึ่งมีตลาดสินค้าคริสต์มาสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนูเรมเบิร์กได้ ถึง 2 ล้านคนต่อปี โดยมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และร้านขายของทำมือเกือบ 200 ร้าน งานนี้มีไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟ
2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
จัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันคริสต์มาส
โดยจุดเด่นอยู่ที่ตลาดสินค้าคริสต์มาส ซึ่งมีมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
โดยมีอาหารจำหน่ายมากมาย เช่น ขนมปังขิง วาฟเฟิล ไส้กรอกย่าง และไวน์
3. เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์
เมืองเรคาวิก ประเทศไอซ์แลนด์
ในปีนี้ได้จำลองเมืองทั้งเมืองให้เป็นเมืองเทพนิยาย และมีหมู่บ้านคริสต์มาส
ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงวันเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคม
นอกจากนี้ยังมีการก่อกองไฟและจุดดอกไม้ไฟในช่วงปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
4. เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี
เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 และเป็นบ้านเกิดของโรมีโอกับจูเลียต
ในทุกปีจะจัดงานฉลองคริสต์มาสกันริมคลอง และมีการจัดคอนเสิร์ต
จุดดอกไม้ไฟในบริเวณปราสาทอาร์โกด้วย
5. นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
เพราะวันคริสต์มาสตรงกับฤดูร้อนของออสเตรเลียพอดิบพอดี
ผู้คนจึงนิยมออกมาฉลองคริสต์มาสกันที่ชายหาด
ขณะเดียวกันก็มีการประดับประดาอาคารและต้นคริสต์มาสเหมือนในประเทศอื่นๆ
6. มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส
มูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส
ที่นั่นจะจัดงานตุ๊กตาจำลองขนาดเล็กสำหรับซื้อเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาล คริสต์มาส
โดยตุ๊กตาจำลองในมูอองซาร์ตูซ์มีตั้งแต่รูปจำลองที่เกี่ยวของกำเนิดวัน คริสต์มาส
ต้นคริสต์มาส และของประดับบ้าน
7. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจะเกิดสึนามิและกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล
แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าไปเที่ยวในช่วงคริสต์มาส
ซึ่งทั่วกรุงโตเกียวจะมีการประดับประดาไฟอย่างสวยงาม
และยังมีการประดับต้นคริสต์มาสแบบญี่ปุ่นอีกด้วย
8. นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา
นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ทุกปีจะมีการประดับประดาต้นคริสต์มาสอยู่หน้าตึกหรือสถานที่สำคัญต่างๆ
โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสหน้าศูนย์รอกกีเฟลเลอร์ ซึ่งประดับไฟยาวกว่า 8 กิโลเมตร
9. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เป็นเมืองที่สามารถพบซานตาคลอสได้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่การฉลองคริสต์มาสในลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่นๆ
โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม หรือวันคริสต์มาสอีฟ
10. เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก
เมืองซาน ฮวน ประเทศเปอร์โตริโก
ในเวบไซต์ให้เหตุผลว่า หากรู้สึกว่าการฉลองคริสต์มาสในแต่ละปีสั้นเกินไป
ให้ไปเที่ยวที่เมืองนี้ เพราะเทศกาลคริสต์มาสที่นี่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
จนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งชาวพื้นที่นี่ฉลองคริสต์มาสกันนานถึง 3 เดือน
6 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
อ่านแค่ชื่อก็ต้องนึกถึงคำว่า "สูงสุดแดนสยาม"
สำหรับดอยอินทนนท์ที่ยอมรับก้คือเรื่องของความหนาวเย็นที่สุดยอดๆ จริงๆ
สำหรับฤดูหนาว (ช่วงกลางคืนนะขอบอก) และเสน่ห์สำคัญท่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า
น่าจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติ ตั้งแต่ทางขึ้นเลย (ไปมาแล้วนะ)
รับรองเลยว่ามีธรรมชาติของป่าที่หลากหลายมาก ทั้งป่าดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ
รวมถึงสีสันของดอกไม้นานาพรรณ สัตว์ป่าหลากชนิด โดยเฉพาะนกพันธุ์หายาก
ที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมดอยเกือบทั้งวัน
และบางครั้งจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า
2. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
(ที่นี้นะยังไม่ได้ไปเลย..)
ที่นี้เป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยทั้งหลายนะค่ะ เอาเป็นว่า
"สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้นะ"
คำนี้สามารถใช้ได้กับขาเที่ยวขาลุยทั้งหลายเนื่องจากที่ภูกระดึงมีสภาพ
ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดงดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์
อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่หวังจะพิชิตป่าเขาที่ภูกระดึง ต้องใช้คำว่าอึดนะ
เพราะว่าจะต้องเดินและปีนเขาเป็นระยะทางราว 9 กิโลเมตร
ซึ่งนับว่าเหนื่อยไม่น้อยสำหรับสถานที่ที่แนะนำว่าไม่ควรพลาด ได้แก่ ผานกแอ่น
ผาหล่มสัก น้ำตกขุนพอง และน้ำตกเพ็ญที่ค้นพบใหม่
3. ภูชี้ฟ้า
อีกสักหนึ่งภูนะคะ อย่าพึงเบื่อกันไปเสียก่อนละ
เป็นเทือกเขาที่มคนบอกกันว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้เก๋ๆๆ สุดๆ เลย
เป็นลักษณะเฉพาะของยอดภูชี้ฟ้าซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้า
ไปยังฝั้งประเทศลาวอันเป็นชุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าที่สวยงาม
แล้วบริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้านั้นยังเป็นทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยงามนานาชนิด
อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวท่อยากซึมซับบรรยากาศ
เมืองเหนือแท้ๆขอแนะนะให้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนะ เพราะชาวเขาที่นั่นจะแต่งตัวแบบม้ง
รวมทั้งมีการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่มๆ สาวๆ ก้นด้วยนะ
4. ดอยอ่างขาง
เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึงอยู่นี้
เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวกำลังแข่งกันออกดอกมาให้เราชมกันมากมายหลาย
สายพันธุ์ นอกจากสีส้นของดอกไม้ยังมีแม่คะนิ้งให้ชมอีก (ต้องไปดูตอนที่แสงแดดยังอ่อนอยู่จะสวยงามมาก)
และอีกจุดที่นักท่องเที่ยงห้ามพลาดไม่ได้ก็คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ซึ่งภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนมากมาย เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง, แปลงปลูกไม้ในร่ม, แปลงทดลองปลูกกุหลาบ, แปลงปลูกผักในร่ม, สวนท้อ, สวนบ๊วย,
ป่าซากุระ, ป่าเมเปิ้ล และพระตำหนักอ่างขาง
สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบทั้งดอกไม้และผลไม้เมืองเหนือ ห้ามพลาด
5. อุทยานแห่งชาติภูเรือ
ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจเหมือนกันสำหรับธรรมชาติในเมืองไทยเรา
ด้วยลักษณะเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่
มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน ลักษณะเด่นของภูเรือคือมีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูเรือ ได้แก่ ยอดภูเรือ
ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอุทยาน
ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย – ลาว สำหรับบริเวณโดยรอบของยอดภูเรือนั้นเป็นลานหินที่มีทุ้งหญ้าขึ้นแซมสลับกับ
ป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ
และสนสามใบที่เป็นสนที่ทางอุทยานเป็นผู้ปลูก
6. อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองทะเลภูเขา”
หรือ “ดินแดนสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย” เพราะมีความสวยงามของธรรมชาติและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วยนะ
ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
และทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา จุดชมทิวทัศน์
โดยป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ มีทั้งธรรมชาติและป่าปลูก
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากนานาชนิด เช่น เสือไฟ, กระจง,
ค่าง, อีเห็น, ลิงลม,
นางอาย, งูชนิดต่างๆ
ชนิดสุดท้ายนี้คงไม่มีใครชอบสักเท่าไหร่นักเอาไปว่าทางใครทางมันก็แล้วกันนะ
และรวมทั้งนกชนิดต่างๆ อีกกว่า 100 ชนิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูนกชนิดแปลกๆ ที่หาพบได้ยากนะ